นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ซ้าย) พร้อมด้วย นายโทรณ หงศ์ลดารมภ์ Head of EV Charger Business บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) (ขวา) ร่วมพิธีเปิดให้บริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (on-ion EV Charging Station) ในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขา พร้อมให้บริการชาร์จไฟแก่รถยนต์ไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด และเตรียมขยายให้บริการอีก 20 สาขาทั่วประเทศ เร็วๆ นี้

นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ซ้าย) นายโทรณ หงศ์ลดารมภ์ Head of EV Charger Business บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) (ขวา)

on-ion EV Charging Station พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขาได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ เซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต เซ็นทรัล อยุธยา เซ็นทรัล บางนา เซ็นทรัล พระราม 2 เซ็นทรัล วิลเลจ สุวรรณภูมิ เซ็นทรัล เวสต์เกต เซ็นทรัล อุดรธานี เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เซ็นทรัล ศาลายา เซ็นทรัล ลาดพร้าว เซ็นทรัล โคราช เซ็นทรัล พระราม 3 และ เซ็นทรัล พระราม 9 และพร้อมให้บริการอีก 20 สาขาทั่วประเทศเร็ว ๆ นี้ ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถควบคุมการใช้งานผ่าน on-ion Mobile Application ทั้งจากระบบ Android และ iOS นอกจากนี้ ออน-ไอออน ยังร่วมกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล มอบโปรโมชั่น “ช้อปดี ชาร์จฟรี 1 ชั่วโมง” ให้แก่ลูกค้าที่ใช้จ่ายในศูนย์การค้าครบ 800 บาทต่อวัน (รวมใบเสร็จได้) นำใบเสร็จมาแลกคูปองส่วนลดเครดิตชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 1 ชั่วโมงฟรี มูลค่า 60 บาท ได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลแต่ละสาขาที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2566 หรือจนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ์

ออน-ไอออน ร่วมกับ เซ็นทรัลพัฒนา พร้อมสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้แพร่หลาย เพื่อกลายเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป

Source : Energy News Center

ปตท. สนับสนุนการพัฒนาจังหวัดนครสวรรค์เป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ต้นแบบ ด้านพลังงานสะอาด และเป็นแหล่งเรียนรู้การบริหารจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมพลังงาน อาทิ การผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์ การพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน การบริหาร จัดการพลังงาน ตลอดจนนำยานยนต์ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ มาใช้ส่งเสริมการเดินทางและการขนส่งต้นแบบด้านพลังงานสะอาด และเป็นแหล่งเรียนรู้การบริหารจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน

วันนี้ (17 สิงหาคม 2565) – นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และ ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการศึกษาและพัฒนา Smart Energy ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ระหว่าง จังหวัดนครสวรรค์ และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ โรงแรมโฟร์ทูซี เดอะชิค นครสวรรค์

นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า จังหวัดนครสวรรค์มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม จำนวน 111,441 ล้านบาท เป็นอันดับ 2 ของภาคเหนือรองจากจังหวัดเชียงใหม่มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัว จำนวน 121,070 บาทต่อคนต่อปี พื้นที่ทางการเกษตร จำนวน 4,700,565 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 78.36 ของพื้นที่จังหวัดมีโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 702 โรงงาน มูลค่าการลงทุน 92,831 ล้านบาท

จากโอกาสและศักยภาพของจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดจึงได้กำหนดแนวทางการพัฒนาให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติแผนปฏิรูปประเทศ และนำหมุดหมาย จากร่างแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 มากำหนดทิศทางการพัฒนาจังหวัด โดยหนึ่งในประเด็นการพัฒนาจังหวัดที่สำคัญ คือ ด้านพลังงานทดแทน และโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับยานยนต์ไฟฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด เพื่อให้สอดคล้องกับการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 ที่จัดขึ้นที่ประเทศสกอตแลนด์ โดยใช้ BCG MODEL ในการพัฒนา ด้วยศักยภาพ ของจังหวัด ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่มีความเข้มของแสงอาทิตย์ เหมาะสำหรับการผลิตพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ ประกอบกับมีพื้นที่แหล่งน้ำที่เหมาะกับการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์แบบทุ่นลอยน้ำ หรือ Floating Solar เช่น บึงบอระเพ็ด บึงเสนาท ซึ่งมีความเหมาะสมที่จะพัฒนาเป็นแหล่งผลิตพลังงานทดแทนที่สำคัญและใช้ประโยชน์ร่วมกัน ได้ทั้งในภาคการเกษตร ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในพื้นที่โดยรอบ 

สำหรับการผลิตพลังงานไฟฟ้าชีวมวลจากฟางข้าว ในแต่ละปีจังหวัดนครสวรรค์มีปริมาณฟางข้าวกว่า 1 ล้าน 7 แสนตัน สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้กว่า 160 เมกะวัตต์ต่อปี ช่วยลดการเผาเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร และในมิติของยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะเข้ามาทดแทนรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากน้ำมันในอนาคตนั้น จังหวัดนครสวรรค์เป็นทางผ่านสู่ภาคเหนือและด้วยระยะทาง 239 กิโลเมตรจากกรุงเทพมหานครมาถึงจังหวัดนครสวรรค์เป็นระยะทางที่เหมาะสมสำหรับการจอดพักเพื่อชาร์จพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถขนส่งเชิงพาณิชย์ ที่ไม่สามารถจอดพักได้บ่อยแต่จะจอดเฉพาะจุดที่จำเป็นเท่านั้น ดังนั้น การพัฒนาพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ให้เป็น EV Charging Station Hub จึงถือว่ามีความเหมาะสม และเป็นโอกาสในการพัฒนาเชิงพื้นที่และจะส่งผลไปสู่ภาคธุรกิจต่อเนื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อรักษาเสถียรภาพทางด้านพลังงานให้กับประเทศไทยตลอดจนต่อยอดธุรกิจด้วยการแสวงหานวัตกรรมเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานแห่งอนาคต และรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน

ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่ กลุ่ม ปตท. จะได้นำเอาองค์ความรู้ด้านพลังงาน รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาสนับสนุนจังหวัดนครสวรรค์ โดย บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ในฐานะแกนนำ นวัตกรรม ธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. (the innovative power flagship of PTT Group) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมพลังงาน พร้อมนำโซลูชั่น และเทคโนโลยี เข้ามา ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายเพื่อให้ตอบโจทย์ทิศทางการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของโลกโดยจะเข้าไปร่วมศึกษาและพัฒนาโครงการนวัตกรรมทางด้านพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ อาทิ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) และในด้านการเดินทางและการขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. จะเข้ามาช่วยสนับสนุน ให้มีการใช้งาน ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) การติดตั้งสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) ครอบคลุมในพื้นที่ที่มีศักยภาพ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น หน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น ภาคขนส่งและการท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาจังหวัดนครสวรรค์ให้พร้อมสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ต้นแบบด้านพลังงานสะอาด ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ และสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่ชุมชนอื่น ๆ เพื่อพัฒนา คุณภาพชีวิตของคนในสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนได้ต่อไป

Source : Energy News Center

on-ion ร่วมกับ ReAcc ออกใบรับรองการใช้พลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy Certificates (RECs) ในรูปแบบของ Green Charging Network ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มรายแรกในไทย

นายโทรณ หงศ์ลดารมภ์ Head of EV Charger Business บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) (ซ้าย) และ นายณัฐชาต เจิดนภาพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีแอค จำกัด (ReAcc) (ขวา) เปิดเผยถึงความร่วมมือในการต่อยอดนวัตกรรมและแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ระหว่าง ออน-ไอออน (on-ion) ผู้ให้บริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) และ รีแอค (ReAcc) ตัวแทนให้บริการซื้อขายด้านพลังงานสะอาดและความเป็นกลางทางก๊าซเรือนกระจกผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ว่าจะมีการออกใบรับรองการใช้พลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy Certificates (RECs) จาก ReAcc ในรูปแบบของ Green Charging Network เพื่อให้ผู้ใช้ EV ที่ใช้บริการชาร์จไฟฟ้าที่สถานีของ ออน-ไอออน มั่นใจได้ว่าพลังงานไฟฟ้าที่ได้รับเป็นพลังงานสะอาดที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% และเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ผลิตในประเทศไทยทั้งหมด

นอกจากนี้ผู้ใช้บริการผ่าน on-ion Mobile Application ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดจะได้รับสิทธิพิเศษ ต่าง ๆ ที่มอบให้เฉพาะสมาชิกออน-ไอออน โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line : @onionev

ทั้งนี้สถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ออน- ไอออน (on-ion EV Charging Station) พร้อมบริการแล้วในพื้นที่ศูนย์การค้ากองทรัสต์อัลไล 6 แห่ง อาคารจอดรถ Energy Complex (EnCo) และในพื้นที่ EECi วังจันทร์วัลเลย์ จ. ระยอง ตลอดจนเตรียมขยายสถานีฯ บนทำเลศักยภาพทั่วไทย รองรับการเติบโตของตลาด EV และเพื่อสนับสนุนให้คนไทยใช้พลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Source : Energy News Center

กลุ่ม ปตท. ภายใต้แบรนด์ ออน- ไอออน (on-ion) ผนึกพันธมิตร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ขยายความร่วมมือให้บริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (on-ion EV Charging Station) ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 37 สาขา ใน 18 จังหวัด ทั่วประเทศ รวมกว่า 350 ช่องจอด นอกจากนี้ยังเสริมทัพด้วย บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด ร่วมขยายสถานีกว่า 50 ช่องจอด รวมเป็นกว่า 400 ช่องจอด ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อส่งเสริมไลฟ์สไตล์พลังงานสะอาด เดินหน้าพันธกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อตอบรับเทรนด์ EV ที่คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น เราจึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มธุรกิจพลังงานรายใหญ่ ร่วมขยายสถานีฯ ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 37 สาขา ใน 18 จังหวัด ทั่วประเทศ รวมกว่า 400 ช่องจอด ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งถือว่ามากที่สุดและเป็นเบอร์ 1 ในกลุ่มศูนย์การค้าของไทย โดยเฟสแรกคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม ตอบรับการเดินทางในทุก ๆ วัน (short haul) หรือจะเดินทางแบบเมืองเชื่อมเมือง (long haul) ก็ได้ โดยจุดชาร์จครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้เกิด Worry-Free Journey หรือ การเดินทางแบบไร้กังวล ความสะดวกสบาย ชาร์จไฟกับรถยนต์ได้ทุกแบรนด์ ทุกค่าย   สถานที่และระบบชาร์จมีมาตรฐานและความปลอดภัยสูง อีกทั้งกลุ่มเซ็นทรัลยังมีโครงการส่งเสริม Eco-lifestyle Marketing ทั้งโปรโมชั่น และส่วนลดต่างๆ เพื่อสนับสนุนการใช้รถ EV ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทย เป็นการร่วมกันดูแลโลกและสิ่งแวดล้อม พร้อมต่อยอดตามดีมานต์ของลูกค้าในอนาคต และขยายสู่ธุรกิจอื่น ๆ อาทิ ที่อยู่อาศัย โรงแรม และอาคารสำนักงาน โดยคาดว่าจะมีส่วนช่วยในการลดการปลดปล่อยก๊าซ CO2 ให้ประเทศไทย ได้มากกว่า 5,250 ตันต่อปี  

นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. โดย บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) ได้ขยายสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้     แบรนด์ ออน- ไอออน (on-ion EV Charging Station) บนทำเลศักยภาพร่วมกับเซ็นทรัลพัฒนา ผู้นำในอุตสาหกรรมศูนย์การค้าของไทยให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ รองรับการเติบโตของตลาด EV ให้พลังงานทางเลือกอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด พร้อมสนับสนุนให้คนไทยใช้พลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบของ “Green Charging Network” ผ่าน on-ion mobile application การจับมือกับเซ็นทรัลพัฒนาในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการลงทุนด้านนวัตกรรมพลังงานอนาคต เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทชั้นนำของประเทศไทยในด้านพลังงานและด้านพัฒนาศูนย์การค้า สร้างความมั่นคงด้านพลังงานแห่งอนาคต และให้ผู้ใช้ EV เกิดความมั่นใจว่าสามารถเดินทางทั่วไทยได้อย่างไร้กังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างทาง ซึ่งผู้ใช้ EV ที่ใช้บริการชาร์จไฟที่สถานีของ ออน-ไอออน จะมั่นใจได้ว่าพลังงานไฟฟ้าที่ได้รับเป็นพลังงานสะอาดที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% ด้วยการออกใบรับรองการใช้พลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy Certificates (RECs) และเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ผลิตในประเทศไทยทั้งหมด นอกจากนี้ผู้ใช้บริการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดจะได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ อีกมากมาย 

ปัจจุบัน กลุ่ม ปตท. ได้ลงทุนธุรกิจด้าน EV Value Chain รองรับการขยายฐานธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร เพื่อร่วมสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในทุกมิติ ทั้งในด้านการผลิต จำหน่าย ระบบกักเก็บพลังงาน แพลตฟอร์มเช่ายานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงพลังงานหมุนเวียนและการประหยัดพลังงาน โดยพร้อมร่วมมือกับเซ็นทรัลพัฒนา ผลักดันการใช้พลังงานสะอาด ประสิทธิภาพสูง เพื่อสร้างสังคมคาร์บอนต่ำให้กับประเทศไทยและคนไทยทุก ๆ คน ต่อไป

นายพูนพัฒน์ โลหารชุน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า การร่วมมือกับเซ็นทรัลพัฒนาในครั้งนี้นับเป็นการร่วมมือครั้งสำคัญเพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าให้แข็งแกร่งและครอบคลุมมากขึ้น เข้าถึงสถานีชาร์จได้ง่ายขึ้น อีโวลท์ในฐานะผู้ให้บริการสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร มุ่งขยายเครือข่ายสถานีชาร์จเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ At Home, At Work, At Play, At Travel ซึ่งเซ็นทรัลพัฒนาเป็นศูนย์การค้าชั้นนำที่มีโลเคชั่นใจกลางเมืองและจังหวัดหลักในแต่ละภูมิภาคที่ดี (Prime Location) โดยอีโวลท์ที่จะเข้ามาเสริมในส่วนของการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จในศูนย์การค้าเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน At Play โดยพร้อมเปิดให้ใช้บริการเต็มรูปแบบภายในปี 2565 ผ่าน EVolt Application ทั้งระบบ IOS และ Android

Source : Energy News Center