“กฟผ.” รุกผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจน มุ่งยกระดับสู่พลังงานสีเขียว เดินหน้าร่วมมือพันธมิตรภาครัฐและเอกชน หน่วยงานด้านพลังงานออสเตรเลีย เผยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้ากังหันลมผลิตไฟฟ้าลำตะคอง

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)เปิดเผยว่า กฟผ.ได้ดำเนินการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน และศึกษาพัฒนาการนำไฮโดรเจนมาใช้ประโยชน์ในการผลิตไฟฟ้าเป้าหมายเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานพลังงานเพื่อให้บริการพลังงานสีเขียว โดยร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงหน่วยงานด้านพลังงานของประเทศออสเตรเลีย ที่มีเป้าหมายมุ่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ล่าสุด กฟผ. ได้มีโอกาสดูงานแหล่งผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจน Latrobe Valley Hydrogen Facility โครงการระบบกักเก็บพลังงานจากแบตเตอรี่ Victorian Big Battery และนวัตกรรมพลังงานจากองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) และหน่วยงานพันธมิตรด้านพลังงานที่ ประเทศออสเตรเลีย Latrobe Valley Hydrogen Facility 

โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Hydrogen Energy Supply Chain (HESC) ที่นำร่องผลิตไฮโดรเจนจากถ่านหินและสารชีวมวล ด้วยขบวนการแปรสภาพเป็นก๊าซ และการกลั่นให้ก๊าซไฮโดรเจนบริสุทธิ์และขนส่งทางเรือไปยังญี่ปุ่น มีการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ควบคู่กับกระบวนการดักจับคาร์บอนด้วยเทคโนโลยี CCS

สอดคล้องกับ กฟผ. ที่ผลิตไฮโดรเจนสีเขียวสำเร็จและใช้งานจริงตั้งแต่ปี 2559 โดยกักเก็บพลังงานไฟฟ้าจากกังหันลมในรูปของก๊าซไฮโดรเจนจับคู่กับเซลล์เชื้อเพลิง กำลังผลิต 300 กิโลวัตต์ เปลี่ยนไฮโดรเจนเป็นพลังงานไฟฟ้าจ่ายให้กับศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง

กฟผ. รุกผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจน มุ่งยกระดับสู่พลังงานเสีเขียว
กฟผ. รุกผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจน มุ่งยกระดับสู่พลังงานเสีเขียว

โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้ากังหันลมผลิตไฟฟ้าลำตะคอง ระยะที่ 2 พร้อมศึกษาแนวทางการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนผสมกับก๊าซธรรมชาติ ทดแทนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะนำร่องในโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องระหว่างปี 2574 – 2583และมีแผนศึกษาการนำถ่านหินมาผลิตไฮโดรเจนพร้อมพัฒนาเทคโนโลยี การดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน ในพื้นที่กฟผ. คือโรงไฟฟ้าน้ำพอง จ.ขอนแก่น และ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง

ส่วน CSIRO ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติของออสเตรเลีย เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ร่วมมือกับ กฟผ.ศึกษาวิจัยระบบกักเก็บพลังงาน และเชื้อเพลิงไฮโดรเจนทั้งการผลิต การกักเก็บ การขนส่ง รวมถึงการนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า

ขณะที่ระบบกักเก็บพลังงาน โครงการ Victorian Big Battery หนึ่งในโครงการกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย ขนาด 300 เมกะวัตต์ สร้างความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้า ให้กับผู้ใช้ไฟในรัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย

เช่นเดียวกับระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ของ กฟผ. ที่มีโครงการนำร่อง 3 แห่ง ได้แก่ สถานีไฟฟ้าแรงสูงบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิจำนวน 16 เมกะวัตต์สถานีไฟฟ้าแรงสูงชัยบาดาล จ.ลพบุรี จำนวน 21 เมกะวัตต์ รวม 37 เมกะวัตต์ ช่วยรักษาเสถียรภาพในระบบไฟฟ้า และโครงการพัฒนาสมาร์ทกริด จ.แม่ฮ่องสอน ขนาด4 เมกะวัตต์ เสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน

Source : ฐานเศรษฐกิจ

ยุโรปและญี่ปุ่นเป็นผู้นําโลกในแง่ของการยื่นจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับไฮโดรเจน ตามรายงานฉบับใหม่เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฮโดรเจนคิดเป็นสิทธิบัตรไฮโดรเจนจํานวนมากที่สุดในปี 2554-2563

ภาคยานยนต์เป็นพื้นที่ของการขนส่งที่มีการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดในการยื่นจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับไฮโดรเจนแต่แนวโน้มในการยื่นจดสิทธิบัตรนั้นไม่สม่ำเสมอ โดยความสนใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการผลิตไฮโดรเจนยังไม่เป็นไปตามความก้าวหน้าในการใช้งานที่อาจเกิดขึ้น

ไฮโดรเจนมีอะไรที่อาจทําไม่ได้บ้าง มันสามารถขับเคลื่อนรถยนต์ มันสามารถช่วยผลิตเหล็ก มันสามารถทําให้บ้านร้อนขึ้นได้  แต่การพูดคุยทั้งหมดนี้เป็นเพียงอากาศร้อนจํานวนมาก หรือเสียงกระหึ่มของไฮโดรเจนเป็นความก้าวหน้าจริงหรือ?

วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการวัดนวัตกรรมคือการยื่นจดสิทธิบัตร และนั่นคือสิ่งที่รายงาน first of its kind จากสํานักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) และสํานักงานสิทธิบัตรยุโรป (EPO) ทํา ต้องใช้ข้อมูลการยื่นจดสิทธิบัตรทั่วโลกเพื่อแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาไฮโดรเจนประเภทใดที่เกิดขึ้นเร็วที่สุด เช่นเดียวกับจุดที่ฮอตสปอตไฮโดรเจนของโลกอยู่ยุโรปและญี่ปุ่นเป็นผู้นํากลุ่มในแง่ของจํานวนสิทธิบัตร รองลงมาคือสหรัฐฯ สิทธิบัตรไฮโดรเจนเพื่ออนาคตพลังงานสะอาดกล่าว สหภาพยุโรปยื่น 28% ของตระกูลสิทธิบัตรระหว่างประเทศทั้งหมด (IPFs) ในเทคโนโลยีไฮโดรเจนในปี 2011-2020 โดยญี่ปุ่นอยู่ที่ 24% และสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 20%

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ เป็นภูมิภาคเดียวที่ตัวเลข IPF ลดลงเมื่อเทียบกับทศวรรษที่ผ่านมา การเติบโตที่เร็วที่สุดคือในประเทศจีนที่ 15.2% และในเกาหลีใต้ที่ 12.2%

สหภาพยุโรปกําลังนําโดยกลุ่มหลักสามกลุ่ม  ในมิวนิกและพื้นที่ Ruhr ในเยอรมนี และในเมืองหลวงของปารีสของฝรั่งเศส ในพื้นที่ Ruhr บริษัทผลิตเหล็ก Thyssenkrupp เป็นผู้สมัครอันดับต้น ๆ สําหรับสิทธิบัตร hydrogen-linked มองว่าปี 2024 เป็นวันที่จะเริ่มต้นโรงงานอุตสาหกรรม scale แห่งแรกโดยใช้การผลิตเหล็ก direct reduced ซึ่งเป็นวิธีการทําเหล็กที่สร้างการปล่อยก๊าซคาร์บอนประมาณหนึ่งในสี่ของเตาหลอมแบบดั้งเดิม

สิทธิบัตรการผลิตไฮโดรเจนเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฮโดรเจนคิดเป็นสิทธิบัตรไฮโดรเจนจํานวนมากที่สุดในปี 2554-2563 แนวโน้มหลักคือการเปลี่ยนแปลงครั้งสําคัญไปสู่วิธีการผลิตที่ปล่อยมลพิษต่ำ

“เทคโนโลยีที่เกิดจากความกังวลเรื่องสภาพอากาศทําให้เกิด IPF เกือบ 80% ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฮโดรเจนในปี 2020” รายงานกล่าว “การเติบโตของพวกเขาส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากนวัตกรรมอิเล็กโทรไลซิสที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”อิเล็กโทรไลซิสเป็นกระบวนการที่ใช้กระแสไฟฟ้าผ่านน้ําเพื่อแยกออกเป็นไฮโดรเจนและออกซิเจน เป็นกระบวนการผลิตที่ปราศจากคาร์บอน ในขณะที่วิธีการผลิตไฮโดรเจนทั่วไปหลายวิธีเกี่ยวข้องกับการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหินและก๊าซ เพื่อแยกไฮโดรเจนออกจากอะตอมของคาร์บอนในมีเทน

คาดว่าขนาดตลาดของอิเล็กโทรไลเซอร์จะเพิ่มขึ้น 65 เท่าในทศวรรษนี้ เนื่องจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกมองหาการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากพื้นที่ต่างๆ รวมถึงการผลิตไฟฟ้า

ภาคยานยนต์เป็นพื้นที่ของการขนส่งที่มีการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดในการยื่นจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับไฮโดรเจนจุดสนใจหลักคือการสร้างเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่สามารถขับเคลื่อนยานพาหนะไปข้างหน้าได้ บริษัทยานยนต์ของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กําลังครองพื้นที่นี้ โดยได้รับประโยชน์จากการทํางานร่วมกันอย่างชัดเจนกับงานของพวกเขาเกี่ยวกับเทคโนโลยีอิเล็กโทรไลเซอร์ ในขณะเดียวกัน นวัตกรรมในเซลล์เชื้อเพลิงยานยนต์กําลังช่วยในการพัฒนาอิเล็กโทรไลซิส เนื่องจากเซลล์เชื้อเพลิงบางชนิดสามารถใช้ย้อนกลับสําหรับการอิเล็กโทรไลซิสได้อย่างยั่งยืน

Source : กรุงเทพธุรกิจ

วันศุกร์ (17 ก.พ.) บริษัท หย่งอันซิ่ง เทคโนโลยี จำกัด ผู้ผลิตจักรยานซึ่งมีฐานในเมืองฉางโจว มณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน เปิดเผยว่า ต้นแบบจักรยานพลังงานไฮโดรเจนแบบพับได้รุ่นใหม่ออกจากสายการผลิตในฉางโจวอย่างเป็นทางการแล้ว

จักรยานรุ่นใหม่นี้มีรูปร่างคล้ายจักรยานทั่วไป แต่มีการติดตั้งเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและอุปกรณ์กักเก็บไฮโดรเจนแรงดันต่ำ โดยเซลล์เชื้อเพลิงจะทำหน้าที่สร้างพลังงานขับเคลื่อนจักรยานเมื่อเยื่อแลกเปลี่ยนโปรตอน (proton exchange membrane) ได้รับไฮโดรเจนจากอุปกรณ์กักเก็บ

เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนมีข้อได้เปรียบหลายประการเมื่อเทียบกับจักรยานไฟฟ้าทั่วไปที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม เช่น อายุการใช้งานยาวนานกว่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า เนื่องจากจะสร้างแค่น้ำเท่านั้นขณะทำงาน

บริษัทฯ ระบุว่าจักรยานพลังงานไฮโดรเจนรุ่นใหม่นี้จ่ายพลังงานตามความเร็วในการปั่นของผู้ขี่ โดยจะหยุดจ่ายพลังงานเพิ่มเมื่อความเร็วแตะที่ 24 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

อนึ่ง จักรยานรุ่นใหม่ชุดแรกจะเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตจำนวนมากช่วงปลายเดือนมีนาคม โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตแตะ 200,000 คันต่อปี ภายในปี 2025

ที่มา/ภาพสำนักข่าวซินหัว

Source : MGR Online

เมื่อไม่นานนี้ คณะนักวิทยาศาสตร์ของจีนและสหรัฐฯ เผยแพร่ผลการประเมินการใช้พลังงานไฮโดรเจนสะอาดของภาคอุตสาหกรรมหนักและการขนส่งหนักของจีนในอนาคต ซึ่งระบุว่าพลังงานไฮโดรเจนสะอาดสามารถลดการปล่อยคาร์บอนอย่างมีนัยสำคัญ

พลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen, H2) เป็นพลังงานเชื้อเพลิงสำหรับการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพสูง สะอาด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้รับการคาดหมายและยอมรับว่าจะเป็นแหล่งของพลังงานเชื้อเพลิงที่สำคัญอย่างมากในอนาคต ในปัจจุบันนี้กระบวนการเปลี่ยนรูปสารไฮโดรคาร์บอนด้วยไอน้ำ (Steam reforming of hydrocarbons) เป็นกระบวนการที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการผลิตพลังงานไฮโดรเจน